วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สปอยล์ขั้นรุนแรง1

สืบเนื่องจากว่าช่วงนี้กำลังงานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาได้แปลเท่าไร
อีกทั้งเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปไกลแล้วมาก...คงมีหลายๆ คนอยากจะรู้
ว่าตอนล่าสุดนี้ ไปถึงไหนกันแล้ว...

ดังนั้นวันนี้จะมาสปอยล์แบบขั้นรุนแรงให้อ่านกัน...ใครที่รออ่านมังงะ
ไม่อยากรู้ก็ปิดตาข้ามไปเลยนะคะ

เรื่อง Daiya No A นี้ ของ อ.เทราจิม่า ยูจิ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2006
(มาจนถึงตอนนี้ก็ประมาณแปดปีกว่าแล้ว...แต่เวลาในมังงะยังผ่านไปไม่ถึงปีเลย)

นอกจากตอนปกติ ซึ่งตอนนี้ถึงตอนที่ 384 แล้ว (ณ วันที่ 7 มิ.ย.)
ยังมีตอนพิเศษออกมาแล้ว 3 ตอน กับ 1 เรื่องสั้น ด้วยกันคือ
- ตอนพิเศษ มิยูกิ คาซูยะ (ในเล่ม 6)
- ตอน Outrun (เรื่องของคุราโมจิ ในไกด์บุ๊ค เล่ม 1)
- ตอน Face (เรื่องของเรียวสุเกะ โคมินาโตะ ในไกด์บุ๊ค เล่ม 2...ปัจจุบัน ยังไม่วางแผง)
- เรื่องสั้น "the batman under the bridge" (เรื่องของโทโดโรกิ ไรจิ ในปี 2006)

ตอนปกติ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง (เราแบ่งเอาเอง...เพื่อความสะดวกในการเรียก)
ช่วงแรกคือ ช่วงการแข่งภาคฤดูร้อน (รวมเล่มก็ประมาณ เล่ม 1 - 22)
ช่วงที่สอง คือ หลังจบการแข่งภาคฤดูร้อนก่อนจะเริ่มแข่งภาคฤดูใบไม้ร่วง (เล่ม 23 - 27)
ช่วงที่สาม คือ ช่วงการแข่งภาคฤดูใบไม้ร่วง (เล่ม 28 - ปัจจุบัน)

+++++++

เนื้อหาของช่วงแรกนี้จะพูดไม่เยอะนะคะ เพราะสร้างเป็นอะนิเมะแล้วและแปลไปบ้างแล้ว
จะสปอยล์ต่อจากเล่ม 14 ที่ได้สปอยล์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว...ก็คือ

หลังจากเซย์โดเอาชนะยาคูชิได้ ก็ผ่านเข้าสู่รอบสี่ทีมสุดท้ายไปเจอกันทีมเซนเซน
ซึ่งยูกิ เอชของทีมนี้ เคยมาทดสอบความสามารถเข้าที่เซย์โดแต่ไม่ผ่านการคัดเลือก
ก็เลยฝังใจอยากจะเอาชนะเซย์โดให้ได้

การแข่งขันในรอบนี้โค้ชไม่ให้ฟุรุยะลงเล่น เพราะอยากจะให้พัก ทันบะได้ลงเป็นสตาร์ทเตอร์
ซาวามูระเป็นรีลีฟ และคาวากามิเป็นโคลสเซอร์ ซึ่งในนัดนี้เพื่อนๆ สมัยเรียน ม.ต้น
ของซาวามูระได้มาดูการแข่งขันด้วย

จบเกมเซย์โดเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ แต่เรียวสุเกะ ได้รับบาดเจ็บที่เท้า (แต่ไม่มีใครรู้)
เซย์โดผ่านเข้ารอบไปพบกับทีมอินาชิโระ ซึ่งเอาชนะทีมซากุระซาวะมาได้

ในนัดชิงชนะเลิศให้ฟุรุยะลงเป็นสตาร์ทเตอร์ และให้ทันบะเป็นโคลสเซอร์
โค้ชตั้งใจจะใช้พิทเชอร์แค่สองคนเท่านั้น เพราะถ้าเปลี่ยนตัวบ่อยๆ อาจจะเกิดผลเสียกับทีม
ฟุรุยะขว้างบอลได้ดีจนกระทั่งไลน์อัพของอินาชิโระเริ่มคุ้นกับบอล จึงถึงเปลี่ยนให้ไปเป็น
เลฟต์ฟิลเดอร์ และทันบะลงไปเป็นพิทเชอร์แทน

แต่ทันบะเกิดอาการกล้ามเนื้อเป็นตะคริวขณะแข่ง ซาวามูระจึงถูกเปลี่ยนลงไปเล่นแทน
ซึ่งอินาชิโระมีคะแนนนำอยู่และต้องการปิดเกมให้เร็วที่สุด แต่ว่าซาวามูระกลับสามารถ
หยุดเกมบุกของอินาชิโระได้

เรียวสุเกะขอเปลี่ยนตัวออก เพราะอาการบาดเจ็บที่ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้อย่างที่คิด
ฮารุอิจิจึงลงไปเล่น และในที่สุดเซย์โดก็พลิกกลับมานำได้สำเร็จจากการตีโฮมอิน
(การตีที่ทำให้รันเนอร์วิ่งกลับจุดโฮมได้) ของกัปตันยูกิ

เซย์โดมีคะแนนนำจนถึงอินนิ่งที่เก้า ซึ่งเป็นอินนิ่งสุดท้าย ไลน์อัพของอินาชิโระก็ยังทำคะแนน
จากซาวามูระไม่ได้ จนกระทั่งสองเอาท์ เหลืออีกแค่หนึ่งเอาท์เซย์โดก็จะเป็นฝ่ายชนะ
แต่เพราะแรงกดดันทำให้ซาวามูระขว้างเดดบอล และไม่สามารถเล่นต่อได้จึงถูกเปลี่ยนออก
ให้คาวากามิลงมาเล่นแทน

สุดท้ายแล้ว...เซย์โดแพ้ (กระซิกๆๆๆๆ ทำไมไม่เหมือนมังงะกีฬาเรื่องอื่นก็ไม่รู้ที่ทีมหลัก
ของเรื่องมักจะชนะในตอนจบ...งอแง ปวดใจอ่านต่อไม่ได้อยู่พักใหญ่)

+++++++++

ต่อมาเนื้อหาช่วงที่สอง หลังจบการแข่งขันภาคฤดูร้อน ก่อนถึงการแข่งขันภาคฤดูใบไม้ร่วง

เนื้อหาในช่วงนี้จะอืมครึมตามบรรยากาศในทีมหลังจากพบกับความพ่ายแพ้
ปีสามเลิกเล่น โค้ชคาตาโอกะยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นโค้ช แต่ยังอยู่คุมทีมจนกว่า
จะจบการแข่งขันภาคฤดูใบไม้ร่วง และโอจิไอ ฮิโรมิสึ เข้ามาเป็นโค้ชคนใหม่

มิยูกิได้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ โดยมีรองกัปตันคือ คุราโมจิกับมาเอโซโนะ (สั้นๆ โซโนะ)

หลังจากความพ่ายแพ้ที่ทำได้เพียงแค่ยืนมองเฉยๆ ฟุรุยะจึงมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะเป็นเอช
ของทีมให้ได้ ในขณะที่ซาวามูระยังคงโวยวายเหมือนเดิม ผิดกับคาวากามิที่เอาแต่โทษ
ตัวเองที่เป็นคนทำให้ทีมแพ้

ซึ่งระหว่างนี้เป็นช่วงปิดเทอม แต่สมาชิกทีมเบสบอลก็ยังคงฝึกซ้อมกันอยู่ และมีแข่งซ้อม
กับโรงเรียนต่างๆ เพื่อเตรียมทีมไว้ลุกศึกภาคฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงนี้
ฟุรุยะกับซาวามูระผลัดกันลงเล่นและก็ทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะฟุรุยะ ผิดกับคาวากามิที่ยังจม
อยู่กับผลการแข่งครั้งนั้น โดยมีโค้ชโอชิไอ สังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบๆ

และเพื่อเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของทีมปัจจุบันโค้ชคาตาโอกะจึงตอบตกลง
การแข่งซ้อมกับทีมยาคูชิ เป็นทีมสุดท้ายก่อนเปิดภาคเรียนใหม่

ซึ่งผลปรากฎว่ายาคูชิเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ และจากการแข่งในครั้งนี้ทำให้ทางเซย์โดรู้ว่า
ซาวามูระเป็นยิป (อาการป่วยทางจิตใจ...) ซึ่งเป็นผลมาจากเดดบอลในรอบชิงชนะเลิศครั้งนั้น
ทำให้ไม่สามารถขว้างลูกวงในได้เลยสักครั้ง

โค้ชคาตาโอกะจึงห้ามไม่ให้ซาวามูระแตะลูกบอล ให้วิ่งกับฝึกกล้ามเนื้อช่วงล่างเพียงอย่างเดียว
ในขณะที่โค้ชโอจิไอคิดว่า จะไม่ให้ซาวามูระลงแข่งอีกแล้ว

คริสที่ได้ยินเรื่องของซาวามูระเข้าโดยบังเอิญ จึงขอให้คาเนมารุเล่ารายละเอียดให้ฟัง
และบอกไปว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะซาวามูระเป็นคนประเภทที่ ล้มแล้วพร้อมจะกระโจนไป
ข้างหน้าได้เสมอ

ในขณะที่คุราโมจิ รูมเมทของซาวามูระก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับมิยูกิ
มิยูกิที่ไม่เคยสนใจคนอื่นนอกจากเรื่องของเบสบอล ก็เริ่มเป็นห่วงซาวามูระขึ้นมา
แม้ว่าจะไม่ค่อยแสดงออก อีกทั้งยังบอกอีกว่า ถ้าซาวามูระเอาชนะยิปที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้
ทีมเซย์โดเองคงเสียหายไม่น้อย

ส่วนซาวามูระที่ใครๆ ต่างเป็นห่วงนั้น ก็สร้างความประหลาดใจให้เพื่อนร่วมชั้นและครู
เป็นอย่างมาก เพราะกลายเป็นคนเงียบขรึม เอาแต่อ่านหนังสือยากๆ
ตอนซ้อมก็เอาแต่วิ่ง

เมื่อการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อเข้าไปแข่งทัวร์นาเมนต์ฤดูใบไม้ร่วงมาถึง
ฟุรุยะได้เป็นเอชของทีม ซาวามูระยังติดทีมตัวจริงอยู่ ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับคนในทีม
ไม่น้อย รวมถึงมีบางคนในทีมรู้สึกไม่พอใจ เพราะซาวามูระในตอนนี้ไม่มีประโยชน์กับทีมเลย

โค้ชคาตาโอกะได้ให้เหตุผลกับผู้ช่วยโค้ชไปว่า เพราะเห็นซาวามูระเริ่มเงยหน้าวิ่งได้แล้ว
ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาพร้อมที่จะก้าวข้ามกำแพงที่ขวางอยู่ตรงหน้าได้แล้ว

ตัวของซาวามูระเองก็สงสัยเช่นเดียวกันว่าทำไม คนไร้ประโยชน์อย่างตัวเองโค้ชถึงยังเลือก
ให้ติดทีมตัวจริงอยู่ เขาจึงพยายามซ้อมหนักกว่าเดิม และขณะฝึกขว้างบอลคนเดียวอยู่นั้น
คริสมาหา ขอให้ซาวามูระขว้างบอลให้ตนรับ

คริสให้ซาวามูระหัดขว้างบอลวงนอกมุมต่ำ ซึ่งตรงข้ามกับบอลวงในมุมสูง (ที่เคยขว้างได้
จนเป็นเดดบอลในนัดชิง) ซึ่งเป็นอีกลูกหนึ่งที่ตียากเพราะบอลจะอยู่ห่างจากไม้
คำพูดของคริสทำให้ซาวามูระนึกถึง คำพูดของมิยูกิที่เคยบอกว่า ที่ขอให้ขว้างลูกวงใน
เพราะด้วยความสามารถในตอนนี้ เขายังขว้างลูกวงนอกหรือลูกเบรกบอลไม่ได้

หลังจากนั้นมาซาวามูระก็หัดขว้างลูกดังกล่าว โดยมีคาเนมารุกับคาริบะ (แคทเชอร์ปีหนึ่ง)
มาช่วยฝึกด้วย โดยไม่รู้ว่ามีโค้ชคาตาโอกะ คริส และมิยูกิคอยดูอยู่
และในที่สุดซาวามูระกลับมาเป็น เจ้าพิทเชอร์จอมโวยได้เหมือนเดิม

เมื่อการแข่งรอบคัดเลือกเริ่มต้นขึ้น มีเพียงฟุรุยะกับคาวากามิเท่านั้นที่ได้ลงแข่ง
โดยที่ซาวามูระไม่ได้ลงแข่งเลยสักครั้ง และในการแข่งรอบคัดเลือกนัดสุดท้ายที่แข่งกับ
ทีมอ่อนกว่านั้น ดูเหมือนเซย์โดจะหมดไฟไปเสียดื้อๆ ทั้งฟุรุยะที่ขว้างบอลได้ไม่ดีเหมือนเคย
และไลน์อัพที่ทำคะแนนได้น้อยกว่าที่คาดไว้

ในขณะที่ปีสามที่รู้ว่าโค้ชคาตาโอกะจะลาออกจากการเป็นโค้ชนั้น ต่างก็โทษว่าเป็นความผิด
ของพวกตนที่ไม่สามารถเอาชนะในนัดชิงได้ อีกทั้งเห็นทีมชุดปัจจุบันอ่อนปอกเปียก
จึงตกลงกันว่าจะขอแข่งกับทีมปีหนึ่งปีสอง

อดีตกัปตันยูกิเป็นตัวแทนของปีสาม ไปขออนุญาตโค้ชคาตาโอกะแข่งกับ
ทีมเซย์โดชุดปัจจุบัน ซึ่งโค้ชก็อนุญาต ในการแข่งครั้งนี้ คริสเป็นคนคุมทีมปีสาม
และมิยูกิเป็นคนคุมทีมปีหนึ่งปีสอง โดยมีโค้ชคาตาโอกะเป็นกรรมการ

ในการแข่งครั้งนี้ทันบะเป็นสตาร์ทเตอร์ให้กับทีมปีสาม และขว้างบอลได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนทีมปีหนึ่งปีสองนั้น ฟุรุยะได้เป็นสตาร์ทเตอร์ แต่ถูกไลน์อัพของปีสามตีบอลได้สบายๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรียวสุเกะ อิชิซากิ ยูกิ มัตสึโกะ ทีมปีสามจึงเป็นฝ่ายนำไปก่อน

ซึ่งระหว่างแข่งอิชิซากิได้บอกกับคุราโมจิเรื่องที่โค้ชคาตาโอกะลาออก
เมื่อคุราโมจิบอกคนอื่น ทุกคนได้แต่ตกใจไปตามๆ กัน มีเพียงมิยูกิเท่านั้นที่ทำราวกับ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเริ่มรู้สึกสงสัยตั้งแต่เห็นโค้ชโอชิไอเข้ามาป้วนเปี้ยนในทีมแล้ว
อีกทั้งยังได้คำแนะนำจากอดีตกัปตันอย่างยูกิอีกว่า...ถ้ากัปตันหวั่นไหว ทั้งทีมก็จะหวั่นไหวตาม

มิยูกิจึงทำเหมือนไม่ใส่ใจ แต่บอกกับทุกคนว่า การแข่งครั้งนี้ปีสามกำลังแนะนำสไตล์การเล่น
เบสบอลของเซย์โดให้รุ่นน้องอยู่ และบอกว่าเอาชนะในการแข่งภาคฤดูใบไม้ร่วงได้
ก็จะได้ไปแข่งโคชิเอ็งภาคฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า โค้ชจะยังทิ้งทีมไปไม่ได้
และนี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเราทำได้ ทำให้ผู้เล่นชุดปัจจุบันกระหายในชัยชนะขึ้นมา

เมื่อขว้างได้สามอินนิ่งฟุรุยะก็ถูกเปลี่ยนตัวออก ให้คาวากามิลงไปเล่นแทน
และในที่สุดซาวามูระก็ได้ลงเล่นในอินนิ่งที่เจ็ด...และคริสก็คือไม้แรกที่ทีมปีสามส่งมาจัดการ
จบเก้าอินนิ่งคะแนนเสมอกันอยู่ โค้ชคาตาโอกะปล่อยให้เล่นต่อ โดยให้ปีสามทุกคน
ที่ยังไม่ได้ลงสนาม ให้ผลัดกันลงเล่นทุกคน การแข่งขันระหว่างทีมปีสามกับทีมปีหนึ่งปีสอง
ดำเนินไปจนถึงอินนิ่งสิบสี่ ที่ทีมปีสามเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้

เมื่อจบการแข่งขัน อดีตกัปตันยูกิได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า..."ในโลกแห่งการแข่งขัน
สำหรับคนที่ลงต่อสู้ มีผลแค่สองอย่างคือ ไม่แพ้ก็ชนะ เพราะฉะนั้น...อย่าแพ้เขานะ พวกนาย"

+++++++++

เดี๋ยวมาต่อช่วงที่สาม....


4 ความคิดเห็น:

  1. ผมเป็นคนไม่ชอบการ์ตูนกีฬาเลย...ยิ่งเบสบอล ไม่เคยได้ดูการแข่งขัน ไม่รู้กติกาอะไรซักอย่างเลย
    เรื่องนี้แปลกมากครับ ผมตามอ่านมาถึงปัจจุบัน ผมติด ทั้งๆที่ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยรู้กติกาเหมือนเดิม 555
    สนุกจริงๆ ครับ เต็มไปด้วยความรู้สึก โยงมาถึงตัวเองที่พยายามทำอะไรอย่างมากแต่ยังไม่สำเร็จจริงๆซะที
    ซาวามูระเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ
    ขอบคุณมากครับที่แปลเรื่องนี้ให้อ่าน :)

    ตอบลบ
  2. เห็นด้วยกับคห.บนมากๆ ค่ะ สำหรับเราเบสบอสก็ไม่เคยดูการแข่งขันเลย กติกาอ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้กติกาเหมือนเดิม
    แต่ก็ยังตามอ่านและรู้สึกสนุกไปกับการ์ตูนเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ ส่วนซาวามูระเป็นตัวเอกที่ไม่ได้เด่นหรือเก่งกาจอะไรมาก ถ้าเทียบกับตัวละครตัวอื่นๆ แต่ก็มีจิตใจที่เข้มแข็งมากๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะล้มมากแค่ไหนก็ยังลุกขึ้นสู้และพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้ สุดยอดมากๆ เลยค่ะ ปล.ขอบคุณมากเช่นกันที่แปลมาให้อ่าน จะติดตามต่อไปเรื่อยๆค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขนาดสปอยล์นะ... ทำเอาน้ำตาซึมเลย
    เข้าใจนะว่าคนที่ร่าเริงมาตลอด เวลาโดนอะไรที่มันเจ็บปวดมากๆ มันก็ช็อคอ่ะ ตอนอ่าน คนอ่านยังช็อคเลย ผู้เล่นในสนามก็คงไม่ต่างกัน ปี 3 ให้กำลังใจรุ่นน้องดีมากค่ะ บ้างครั้งก็รู้สึกนะว่าเหมือนพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ เป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ...

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ4 กรกฎาคม 2563 เวลา 10:10

    ตอนอ่านที่พระเอกเป็นยิปส์แล้วโค้ชสั่งให้วิ่ง แล้วน้องคิดว่าตัวเองหมดประโยชน์อ่ะสงสารมาก ตอนที่คริสรู้เรื่องละบอกให้ว่าอย่าไปสร้างไปหาให้ซาวามูระ หมอนั่นเข้มแข็ง
    พอน้องได้เป็นตัวจริงแล้วคนในทีมเกิดข้อกังขา จึงโหมฝึกหนักขึ้นด้วยสภาพจิตใจมืดมนอ่ะ แล้วคริสเดินมาอ่ะ พอพี่เขาพูดว่าขว้างไปเยอะแล้วจะได้ขว้างเมื่อไหร่นี่น้ำตาไหลเลย พี่คริสของน้อง เป็นกาตูนกีฬาแต่ทำให้เราร้องไห้ได้อ่ะ ละพอกลับไปดูภาคแรกตอนโดนทาบทามเข้าเซย์โดแล้วลังเล พ่อซาวามูระก็บอกว่าก็กลัวเหมือนกันถ้าต้องไปคนเดียวแล้วเจอคนเก่งกว่า แต่ถ้าล้มเหลวก็กลับบ้านจะไม่ให้ใครหัวเราะเยาะแก คือน้ำตาไหลอีกแล้ว พอนึกว่าน้องต้องเจอกับอะไรบ้างหลังจากใช้ชีวิตที่นั่น ดูเรื่องนี้ทำให้เราอ่อนไหว

    ตอบลบ